คำสั่งคำร้องที่ 803/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามกฎหมาย จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่าศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนเป็นการรับฟังพยานหลักฐานไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่ต้องห้ามฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 91)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(3) วรรคสาม ที่แก้ไขแล้ว จำคุกจำเลย 5 ปี ให้จำเลยคืนทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนหรือใช้ราคา 6,375 บาท แก่ผู้เสียหาย ยกฟ้องข้อหาฐานรับของโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 2 ปีนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 88 แผ่นที่ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 91)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไปจากที่ปรากฏในสำนวน นั้น ปรากฏว่าแม้ในฎีกาของจำเลยเองก็มีข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นอยู่เพียงแต่จำเลยอ้างว่า ศาลอุทธรณ์ไม่ควรรับฟังข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นมาลงโทษจำเลยซึ่งเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงอันต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share