คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3161/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อสัญญาเช่าได้เลิกหรือระงับลง จำเลยผู้เช่ามีหน้าที่ต้องส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าให้แก่ผู้ให้เช่า เมื่อจำเลยยังมิได้ส่งมอบตึกแถวพิพาทแก่โจทก์ ทั้งยังได้ความว่าจำเลยให้บุคคลอื่นเข้ามาอยู่แทนจำเลย จำเลยจึงไม่มีทางพ้นความรับผิด โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยได้โดยหาจำต้องไปฟ้องผู้อื่นซึ่งอยู่ในตึกแถวพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยไม่

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายออกจากตึกแถวของโจทก์ ให้ใช้ค่าเสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าเดิมจำเลยเช่าตึกแถวพิพาทซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดที่ 3385 แขวงสัมพันธวงศ์เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร จากพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมพลทิฆัมพร สัญญาเช่าสิ้นกำหนดเวลาวันที่ 31 ธันวาคม 2522 ต่อมาวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2523 โจทก์ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างซึ่งรวมทั้งตึกแถวพิพาทด้วยจากพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมพลทิฆัมพรโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบและบอกเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยแล้ว

คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาว่าจำเลยออกจากตึกแถวพิพาทของโจทก์แล้วหรือไม่” ฯลฯ

“ที่จำเลยฎีกาว่าจากพยานหลักฐานของโจทก์นำสืบแต่เพียงว่า จำเลยเช่าอยู่ตามสัญญาเช่า ส่วนจำเลยยังอาศัยอยู่หรือไม่ โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นชัดแจ้งนั้น ปรากฏว่าโจทก์มีนายเฮ็งคี้ แซ่เอี้ยผู้รับมอบอำนาจเบิกความว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่า ให้จำเลยและบริวารขนย้ายออกจากตึกแถวพิพาทภายใน 1 เดือน และจำเลยยังไม่ขนย้ายออกตามที่แจ้งไป ทั้งปรากฏตามหลักฐานที่โจทก์แจ้งต่อจำเลยว่าโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาท และโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยเมื่อวันที่ 11 และ 29 กุมภาพันธ์ 2523 นั้นโจทก์ได้ส่งต้นฉบับเอกสารหมาย จ.2 และ จ.7 ไปให้จำเลยยังตึกแถวพิพาทการส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกจำเลย ก็ส่งให้จำเลยที่ตึกแถวพิพาทนี้เช่นกัน ส่วนจำเลยมีแต่ตัวจำเลยคนเดียวเบิกความว่าจำเลยออกไปจากตึกแถวพิพาทแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2522 ซึ่งเป็นเวลาก่อนสิ้นกำหนดเวลาเช่า ดังนี้เห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อยิ่งกว่าคำของจำเลยว่าจำเลยยังคงครอบครองทรัพย์สินที่เช่าอยู่ จำเลยเป็นผู้เช่า เมื่อสัญญาเช่าได้เลิกหรือระงับลงจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าให้แก่ผู้ให้เช่า ตามคำเบิกความและฎีกาของจำเลยก็รับว่าจำเลยยังมิได้ส่งมอบตึกแถวพิพาทแก่โจทก์ ทั้งยังปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยว่าให้บุคคลอื่นเข้ามาอยู่ในตึกแถวพิพาทแทนจำเลย ดังนี้เห็นว่าจำเลยไม่มีทางพ้นความรับผิดโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยได้โดยหาจำต้องไปฟ้องผู้อื่นซึ่งอยู่ในตึกแถวพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยไม่”

พิพากษายืน

Share