แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกาศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่รับฎีกาเพราะเป็นฎีกา ที่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220ที่แก้ไขใหม่
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วนั้น เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1) ฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือไม่ และตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ที่แก้ไขใหม่ น่าจะมีความหมายแต่เพียงว่าในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ไม่ว่าจะอาศัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเท่านั้นแต่ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 111)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 114)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ที่แก้ไขใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้วให้ยกคำร้อง