คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5866/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยตกลงขายและสละการครอบครองที่พิพาทให้แก่โจทก์แล้วทั้งโจทก์ครอบครองที่พิพาทมาด้วยเจตนาเป็น เจ้าของเป็นเวลากว่า10 ปี โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท แต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนในที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อโจทก์หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนามิได้ เนื่องจากจำเลยไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์ เป็นหน้าที่โจทก์ที่จะต้องดำเนินการให้มีชื่อของตนในโฉนดต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นน้องชายโจทก์ ได้ขายกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยจำนวน ๑ ไร่ ๓ งาน เก้าสิบสี่เศษสามส่วนสี่ตารางวาในที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๙๐๐ ตำบลเขาพระ อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ให้กับโจทก์เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๐๙ โจทก์ได้ชำระราคาที่ดินและจำเลยได้มอบที่ดินให้โจทก์เข้าครอบครองนับแต่วันซื้อขายแล้วโดยมิได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์โจทก์ได้ครอบครองที่ดินเฉพาะส่วนที่ซื้อขายโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนา เป็นเจ้าของเป็นเวลาเกินกว่า ๑๐ ปี ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองแล้ว เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๗ จำเลยได้ขออาศัยทำกินในที่ดินเฉพาะส่วนดังกล่าว โจทก์อนุญาต ต่อมาจำเลยจะขอซื้อที่ดินดังกล่าวคืนในราคาเดิม โจทก์ไม่ตกลง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์๒๕๒๙ โจทก์ได้พาจำเลยไปสำนักงานที่ดินเพื่อจดทะเบียนแก้หลักฐานในที่ดินเป็นชื่อโจทก์ จำเลยไม่จัดการและท้าให้ฟ้องเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ขอให้พิพากษาแสดงว่าที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการครอบครอง และบังคับจำเลยไปจดทะเบียนแก้หลักฐานทางทะเบียนในที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษา แทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า ได้กู้เงินโจทก์แล้วมอบที่ดินพิพาทเป็นหลักประกันและทำกินต่างดอกเบี้ย เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๗จำเลยได้นำเงินที่กู้ไปชำระคืนแก่โจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมรับกลับจะให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยเห็นว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงเข้าครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ฤดูการทำนา ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ไม่เคยขออาศัยโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๙๐๐ตำบลเขาพระ อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก เฉพาะส่วนของจำเลย เนื้อที่ ๑ ไร่ ๓ งาน เก้าสิบสี่เศษสามส่วนสี่ตารางวาตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ให้จำเลยจดทะเบียนแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนในที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยตกลงขายที่พิพาทและสละการครอบครองที่พิพาทให้แก่โจทก์แล้ว ทั้งโจทก์ครอบครองที่พิพาทมาด้วยเจตนาเป็นเจ้าของแล้วเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแล้ว แต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนในที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เนื่องจากจำเลยไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องดำเนินการให้มีชื่อของตนในโฉนดต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ตามฟ้องที่ให้จำเลยจดทะเบียนแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนในที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อโจทก์หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share