แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ฝ่ายจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ หากบังคับคดีในระหว่างฎีกา ฝ่ายจำเลยจะได้รับความเสียหายมากเมื่อศาลฎีกาพิพากษากลับโปรดมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว โดยวิธีปิดหมายตามคำสั่งศาล (อันดับ 165)
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นเรียกนายสุวิชแซ่ซึง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำขอของจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน บ้านสองชั้นเลขที่ 375 หมู่ที่ 5ตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมกับที่ดินโฉนดเลขที่ 41607 เป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านและที่ดินดังกล่าว โดยให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เดือนละ1,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกจากบ้านพิพาท
จำเลยและจำเลยร่วมฎีกา (อันดับ 158)
จำเลยและทนายจำเลยร่วมยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 159)
จำเลยและจำเลยร่วมได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ โดยนางสาวแหวน ขอถือกลางฯ นำที่ดินตาม น.ส.3 ก.มาทำหนังสือสัญญาค้ำประกันค่าเสียหายตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 129,134 แผ่นที่ 2) จำเลยได้วางเงินค่าเสียหายเดือนต่อ ๆ มา และครั้งสุดท้ายได้วางเงินค่าเสียหายต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2529(อันดับ 135 ถึง 139,141,150,157)
คำสั่ง
ถ้าจำเลยนำเงินค่าเสียหายที่จะต้องชำระให้โจทก์เดือนละ 1,000บาท ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาวางต่อศาลชั้นต้นต่อจากที่ได้วางไว้แล้วโดยคิดจนถึงวันฟังคำสั่งนี้ภายใน 15 วัน นับแต่วันฟังคำสั่ง และถ้านำเงินค่าเสียหายสำหรับเดือนต่อ ๆ ไปมาวางต่อศาลชั้นต้นภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้น ให้ยกคำร้อง