แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้  แต่จำเลยจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเพิ่มเติมประกอบใบอนุญาต  แม้ข้อกำหนดระบุไว้ว่าผู้รับอนุญาตจะตั้งโรงงานไม้แปรรูปได้ด้วยเครื่องจักรเพื่อประดิษฐ์เฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปจำหน่าย  แต่จเลยแปรรูปไม้หมอนรถไฟโดยรับจ้างตบแต่งด้วยการใช้เครื่องจักรถากไม้หมอนให้ได้ขนาดเรียบร้อย  การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 48  หากแต่เป็นการกระทำผิดต่อข้อกำหนดซึ่งให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งพักใช้ใบอนุญาตนี้ได้  ไม่ใช่กรณีที่จะฟ้องต่อศาลขอให้ลงโทษจำเลย
(ประชุมใหญ่  ครั้งที่ 2/2506)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต  และยังทำการเลื่อยแปรรูปไม้ดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย  ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การว่า  ไม้นั้นเป็นไม้หมอนรถไฟ  เป็นของนายใหญ่  ชอบด้วยกฎหมาย  นายใหญ่นำมาให้จำเลยช่วยตบแต่งให้สวยงามและได้ขนาด  จำเลยไม่ได้แปรรูปไม้ให้เปลี่ยนหรือกลายสภาพเป็นอย่างอื่น  จำเลยมิได้ครอบครองในฐานะเจ้าของผู้ครอบครอง  และจำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้
ศาลชั้นต้นพิพากษษว่าจำเลยกระทำฝ่าฝืนข้อกำหนดประกอบใบอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้  ไม่ใช่ผิดต่อกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าไม้  เรื่องมีไม้ไว้ในครอบครองเห็นว่า  การครอบครองยังเป็นของนายใหญ่อยู่  พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า  จำเลยได้แปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๓)  พ.ศ. ๒๔๙๔  มาตรา ๓ (๓)  ก. แล้ว  ที่จำเลยรับจ้างแปรรูปไม้ผิดไปจากใบอนุญาต  เท่ากับไม่ได้รับอนุญาต  จึงมีความผิด  พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ส. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘, ๗๓  พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๓)  พ.ศ. ๒๔๙๔  มาตรา ๑๗  ไม้ของกลางให้คืนเจ้าของ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า  คดีนี้จำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้  มีใบอนุญาตแล้ว  แต่ทั้งนี้จำเลยจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดเพิ่มเติมประกอบใบอนุญาตนั้น  ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรเป็นผู้กำหนดโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๘  แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕  แห่งฉบับที่ ๓  พ.ศ. ๒๔๙๔  โดยระบถในข้อ ๑ ว่า  “ผู้รับอนุญาตจะตั้งโรงงานแปรรูปไม้ด้วยเครื่องจักรประดิษฐ์เฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปจำหน่ายโดยใช้เครื่องจักรมีกำลังสิบสองแรงม้าตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น  จะไม่ใช้เครื่องจักรมีกำลังแรงม้าเกินกว่านี้เป็นอันขาด”  การที่จำเลยรับจ้างตบแต่งไม้หมอนรถไฟ  ไม่ใช่เป็นการประดิษฐ์เฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป  แต่จำเลยก็ได้รับอนุญาตให้ทำการแปรรูปไม้แล้ว  จึงมิใช่เป็นการกระทำผิดฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต  หากแต่เป็นการกระทำที่ผิดต่อข้อกำหนดในใบอนุญาต  ซึ่งการกระทำผิดข้อกำหนดนี้ไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายให้ลงโทษ  คงมีแต่มาตรา ๕๙  แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔  ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งพักใช้ใบอนุญาตได้  ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นกรณีที่จะฟ้องจำเลยต่อศาลให้ลงโทษได้  ฉะนั้น
จะลงโทษจำเลยตามมาตรา ๔๘  ดังฟ้องไม่ได้  พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

