แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ข้อความในฎีกาของจำเลยที่ 2 ไม่ปรากฏข้อคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ประการใดจึงไม่เป็นฎีกาที่จะรับส่งไปศาลฎีกาได้ไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยได้ระบุโดยชัดแจ้งแล้วในข้อ 2 ว่าจำเลยมีเจตนาอันแท้จริงที่จะขอคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 87)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4,7,8,17,26,69,76,102 ฯลฯพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7,55,72,78 ฯลฯประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,83,91,138,140,289 ฯลฯ และจำเลยที่ 4 ที่ 5 มีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522มาตรา 4,11,12,18,41,57,58,62,81 เรียงกระทงลงโทษความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนแก๊ปยาว1 กระบอก ไม่มีเลขทะเบียนจำคุกคนละ 2 ปี ความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ จำคุกคนละ 10 ปี ความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฐานมีฝิ่นดิบไว้ในครอบครองจำคุกคนละ 20 ปีความผิดฐานมีมอร์ฟีนจำคุกคนละ 15 ปี ความผิดฐานมีเมล็ดพันธุ์ฝิ่นไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุกคนละ 15 ปี ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งเป็นบทหนักจำคุกจำเลยทั้งห้าตลอดชีวิต ฯลฯ เมื่อรวมโทษจำคุกจำเลยทั้งห้าทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยทั้งห้าคนละตลอดชีวิตสถานเดียว ริบของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งห้าในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140,83,91 จำคุกคนละ 6 ปี แต่เมื่อรวมโทษจำเลยทั้งห้าทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ50 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโจทก์ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ต่างฎีกา เฉพาะฎีกาของจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 76,67แผ่นที่ 2,66 แผ่นที่ 2)
จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 74)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 คงสรุปได้ว่าจำเลยที่ 2เป็นคนรับจ้างจูงวัวให้นายอยู่เวิ่งแซ่ลี้ เช้าวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ถูกจับขณะผูกวัวอยู่ในคอก โดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้กระทำผิดศาลอุทธรณ์เชื่อฟังคำเบิกความของผู้จับและพนักงานสอบสวนที่เบิกความบิดเบือนข้อเท็จจริงกลับแกล้งจำเลยเป็นการไม่ชอบ ถือได้ว่าฎีกาของจำเลยที่ 2 ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อ โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วจึงให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้ดำเนินการต่อไป