คำสั่งคำร้องที่ 733/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า รับอุทธรณ์ของโจทก์เฉพาะข้อ ข. และข้อ ค. ส่วนอุทธรณ์ข้ออื่น ๆ เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 จึงไม่รับโจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนว่า คดีนี้ผู้พิพากษาสมทบฝ่ายลูกจ้างที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้ทำความเห็นแย้งไว้โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้หรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 230 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31 อีกทั้งศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจก้าวล่วงต่อศาลฎีกาในการหยิบยก ปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 54)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างที่ค้าง เงินโบนัสครึ่งปี ค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ ให้รับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งอัตราค่าจ้างเดิม หรือใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง และผู้พิพากษาสมทบฝ่ายลูกจ้าง มีความเห็นแย้งโดยพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม และให้จ่ายเงินทุกประเภทที่โจทก์มีสิทธิ ได้รับเสมือนหนึ่งไม่มีการเลิกจ้างโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 43)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 51)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ได้บัญญัติเกี่ยวกับข้อห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไว้โดยเฉพาะแล้ว จึงไม่นำ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 230 วรรคสอง มาใช้บังคับ อีกแม้ผู้พิพากษาสมทบที่เป็นองค์คณะ พิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ทำ ความเห็นแย้งไว้ในคำพิพากษาของ ศาลแรงงานกลาง ก็ไม่ทำให้โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงได้ อุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ฟังไม่ขึ้นให้ยกคำร้อง

Share