แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องจากโจทก์จำเลยสามารถตกลงกันได้โดยจำเลยยอมชำระหนี้ตามเช็คให้แก่โจทก์ โจทก์ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีอีกต่อไปจึงขอถอนฟ้อง โปรดอนุญาต
หมายเหตุ จำเลยแถลงไม่คัดค้านท้ายคำร้อง (อันดับ 75)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1)(2)(4)รวม 2 กรรม ความผิดตามเช็คฉบับแรกจำคุก 2 เดือน ความผิดตามเช็คฉบับที่สองจำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 4 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับ (อันดับ 58 แผ่นที่ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกา (อันดับ 61)
ศาลฎีกาสั่งคำร้องเสร็จและส่งไปศาลชั้นต้นเพื่อนัดอ่านให้คู่ความฟังแล้ว ในวันนัดฟังคำสั่งศาลฎีกา ทนายโจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าว โดยใบแต่งทนายระบุให้มีอำนาจถอนฟ้องได้ (อันดับ 75,29)ศาลชั้นต้นจึงให้งดอ่านคำสั่งศาลฎีกาและส่งคำร้องมาศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่ง (อันดับ 76)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัวและยังไม่ถึงที่สุดเมื่อโจทก์ถอนฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) จึงให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ