แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นคดีมีราคาทรัพย์สินหรือพิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทฎีกาโจทก์ทุกข้อเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงมีคำสั่ง ไม่รับฎีกาโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมด โจทก์เห็นว่า ฎีกาที่ว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยข้อเท็จจริงขัดแย้งกันและการที่ศาลอุทธรณ์ รับฟังข้อเท็จจริงที่ปรากฏในชั้นสืบพยานจำเลย โดยที่จำเลย มิได้ให้การต่อสู้คดีไว้ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่ง รับฎีกาของโจทก์ด้วย หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 87) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2534 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์แล้วเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกินจำนวน 3,750 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 83) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 84)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงขัดแย้งกันฎีกาโจทก์จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายนั้นเห็นว่า การที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต่างกัน ก่อให้เกิดปัญหาข้อเท็จจริงว่า ข้อเท็จจริงที่จะรับฟัง เป็นอย่างไรแน่ ฎีกาโจทก์โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ รับฟังเป็นฎีกาข้อเท็จจริง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ รับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือจากคำให้การต่อสู้ของจำเลย เป็นปัญหาข้อกฎหมายนั้น เห็นว่าฎีกาโจทก์ไม่มีข้อใด ที่ฎีกาปัญหานี้ไว้เลย โจทก์ยกว่ากล่าวในชั้นนี้เอง ไม่ตรงข้อฎีกาโจทก์ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาโจทก์เพราะเป็น ฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามชอบแล้ว ยกคำร้อง