คำสั่งคำร้องที่ 681/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ที่ 5 และที่ 10 ฎีกา มีเหตุผลที่จะชนะคดีในชั้นฎีกาได้ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อนโดยจำเลยทั้งสองขอเอาหลักประกันที่เคยวางไว้ต่อศาลเป็นหลักประกันในชั้นนี้ด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน ฯลฯ (อันดับ 298)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 1,407,083.10 บาทให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ โดยให้จำเลยที่ 2ร่วมรับผิดไม่เกิน 450,000 บาท จำเลยที่ 5 ร่วมรับผิดไม่เกิน225,000 บาท จำเลยที่ 10 ร่วมรับผิดไม่เกิน 116,905 บาท ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน1,407,083.10 บาท ให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 1,367,966.50 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 ฎีกา (อันดับ 292)
ทนายจำเลยที่ 2 ที่ 5 และที่ 10 ยื่นคำร้องดังกล่าว(อันดับ 291)
จำเลยที่ 2 ที่ 5 และที่ 10 ต่างได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ โดยจำเลยที่ 5 วางหนังสือสัญญาค้ำประกันจนคดีถึงที่สุด ภายในวงเงินไม่เกิน 225,000 บาท ของธนาคารเป็นประกันต่อศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 และที่ 10 ต่างนำสมุดฝากเงินในธนาคารซึ่งมียอดเงินฝากจำนวน 473,428.75 บาท และ 116,905 บาท ของแต่ละคนตามลำดับวางเป็นหลักประกันและทำหนังสือสัญญาค้ำประกันจนคดีถึงที่สุดไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 223,229,236,238)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ทุเลาการบังคับจำเลยที่ 2 ที่ 5และที่ 10 ไว้ในระหว่างฎีกา สำหรับจำเลยที่ 5 ให้ถือสัญญาประกันที่ทำไว้ในชั้นอุทธรณ์ซึ่งยังมีผลบังคับอยู่ เป็นสัญญาประกันในชั้นฎีกาต่อไป ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 10 ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาว่าสมควรจะให้จำเลยใช้หลักประกันเดิม หรือหาหลักประกันใหม่มาวางศาลตามที่เห็นสมควรต่อไป

Share