คำสั่งคำร้องที่ 680/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า เนื่องจากคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในการกระทำความผิดรวม 3 กรรม ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยกรรมเดียว โจทก์ฎีกาขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกกรรมตามคำฟ้องโจทก์ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 65)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3)(11) ประกอบมาตรา 83 ฯลฯ จำคุก 1 ปี 6 เดือนคำให้การในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลงโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 64)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 65)

คำสั่ง
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันทำการลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป 3 ครั้ง อันเป็นความผิด 3 กรรมต่างกัน ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยได้ร่วมกับพวกทำการลักทรัพย์ไปเพียงครั้งเดียวส่วนอีก 2 ครั้งให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันทำการลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป 3 ครั้ง เป็นความผิด 3 กรรม จึงเป็นการเถียงข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังมา เพราะพยานหลักฐานโจทก์จะมีน้ำหนักเพียงพอให้ฟังลงโทษจำเลยได้กี่กรรมนั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์นั้นชอบแล้วให้ยกคำร้องของโจทก์เสีย

Share