คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5920/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์รับมอบงานการก่อสร้างอาคารพิพาทจากจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่12 กรกฎาคม 2525 ต่อมาวันที่ 24 มีนาคม 2526 โจทก์ตรวจพบการชำรุดบกพร่องของอาคารพิพาท โจทก์ต้องฟ้องจำเลยทั้งสามภายในกำหนด 1 ปีนับแต่วันการชำรุด บกพร่องได้ปรากฏขึ้น คือวันที่ 24 มีนาคม 2527โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2528 คดีโจทก์จึงขาดอายุความ แม้จำเลยที่ 1 ส่งช่าง ไปซ่อมแซมอาคารพิพาท เมื่อวันที่22-25 เมษายน 2527 ซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 ยินยอมรับผิดในความชำรุด บกพร่อง และเป็นการยอมรับหลังจากอายุความครบบริบูรณ์แล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ละเสีย ซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ดังนี้ จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ชั้นต้น ยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ แต่จำเลยที่ 3 ผู้ค้ำประกันยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ก่อสร้า>ต่อเติมอาคารเรียนโรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคมแบบพิเศษ 24 ห้องเรียนพร้อมครุภัณฑ์ ซึ่งจำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันสัญญาว่าจ้างดังกล่าว จำเลยที่ 1 ได้ทำงานเสร็จตามสัญญา ต่อมาทางโรงเรียนตรวจพบว่าอาคารและครุภัณฑ์เกิดความชำรุดบกพร่องรวม 12 รายการโจทก์แจ้งให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 แก้ไขซ่อมแซม จำเลยที่ 1ได้ส่งช่างไปทำการซ่อมแซม อันเป็นการรับสภาพหนี้ แล้วจำเลยที่ 1ไม่ไปทำการซ่อมแซมอีกเลย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหาย 52,555 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 3 ให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะโจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อพ้นเวลา 1 ปี นับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฏอีกทั้งโจทก์ได้ผ่อนเวลาการปฏิบัติงานตามสัญญาให้แก่จำเลยที่ 1 โดยมิได้แจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบ จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้จำนวน 18,675 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
โจทก์และจำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 52,855 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์รับมอบงานการก่อสร้างอาคารพิพาทจากจำเลยที่ 1 ที่ก่อสร้างเสร็จตามสัญญาจ้างเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม 2525 ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2526 นายพินิจและนายมิ่งกรรมการควบคุมงานก่อสร้างและรับมอบงานก่อสร้างอาคารพิพาทได้ตรวจพบการชำรุดบกพร่องของอาคารพิพาทตามบันทึกข้อความและแบบฟอร์มเอกสารหมาย จ.6 และ จ.13โจทก์ตามฟ้องจำเลยทั้งสามภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้นคือวันที่ 24 มีนาคม 2527 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2528 คดีโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว แม้จะปรากฏจากคำเบิกความของนายพินิจพยานโจทก์ว่าจำเลยที่ 1 ส่งช่างไปซ่อมแซมอาคารพิพาทเมื่อวันที่ 22-25 เมษายน 2527 ตามรายการก่อสร้างเอกสารหมาย จ.10 ซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1ยินยอมรับผิดในความชำรุดบกพร่องตามที่โจทก์เรียกร้องก็ตาม แต่ก็เป็นการยอมรับหลังจากอายุความครบบริบูรณ์แล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความจำเลยที่ 1 จึงยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ แต่การละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ชั้นต้นไม่ลบล้างสิทธิของผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ผู้รับจ้างจึงยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในประเด็นอื่นอีก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3.

Share