คำสั่งคำร้องที่ 679/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน จึงเป็นฎีกาข้อเท็จจริง หาใช่เป็นฎีกาข้อกฎหมายไม่ เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ฎีกาโจทก์จึงต้องห้าม ไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า โจทก์ได้ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า คำเบิกความของจำเลยลงวันที่ 19 มิถุนายน 2522 และคำเบิกความของนางสาวจินตนานวมะชิติลงวันที่ 29 มกราคม 2522 เป็นการสมคบกันเพื่อก่อให้เกิดการกระทำความผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่และการที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังว่า จำเลยนี้มิได้เบิกความเกี่ยวกับโจทก์ โดยที่ศาลล่างมิได้รับฟังหรืออ้างถึงคำเบิกความของนางสาวจินตนานวมะชิติที่ปรากฏในสำนวนคดีนี้เลยนั้น จะเป็นการฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือจากคำพยานหรือไม่คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของโจทก์ไม่ชอบด้วยเหตุผลและกฎหมายวิธีพิจารณาความ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 63)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,84,177,180,181,91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลจึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 59)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 60)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาโจทก์คัดค้านข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในเรื่องการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ที่โจทก์พยายามบิดผันให้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โดยอ้างว่าเป็นการฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือจากคำพยานหรือไม่นั้นไม่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ได้ฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือจากพยานหลักฐานในสำนวนอย่างใดคดีนี้ศาลล่างทั้งสองยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share