แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ จึงไม่มีประเด็นที่จะเถียงกันไม่ว่าปัญหาข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่สอง 5 เดือน จำเลยทั้งสองจึงฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองเห็นว่า จำเลยได้ฎีกาว่า โจทก์มิได้เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ เนื่องจากโจทก์มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยทั้งสองจะให้การรับสารภาพไว้ก่อนแล้วก็ตามจำเลยทั้งสองก็มีสิทธิหยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างได้ กรณีไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 อีกทั้งกรณีของจำเลยที่ 1 ศาลล่างทั้งสองลงโทษปรับเกินหมื่นบาท จึงไม่ต้องห้ามที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219ด้วย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ฯลฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91 รวม 5 กระทงให้ปรับจำเลยที่ 1 กระทงละ 10,000 บาท เรียงกระทงลงโทษรวมเป็นเงิน 50,000 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 25,000 บาท ฯลฯ ให้จำคุกจำเลยที่ 2กระทงละ 2 เดือน เรียงกระทงลงโทษ รวมจำคุกจำเลยที่สอง10 เดือน จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 5 เดือน
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 102)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 108)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 สำหรับปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า โจทก์มิได้เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย เนื่องจากโจทก์มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้นั้น เห็นว่า คดีไม่มีข้อเท็จจริงปรากฏในท้องสำนวนว่าโจทก์มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วยแต่อย่างใด เช่นนี้ คดีย่อมไม่มีข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ให้ยกคำร้อง