คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4776/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดกคนเดิมและตั้งผู้จัดการมรดกคนใหม่แทนนั้น ตามปกติย่อมกระทำได้โดยยื่นคำร้องในคดีเดิม แต่ถ้าผู้ขอประสงค์จะกระทำแยกจากคดีเดิมเพราะมีคำขออื่นที่เกี่ยวเนื่องรวมอยู่ด้วยก็กระทำได้ โดยยื่นคำฟ้องรวมเป็นคดีเดียวกัน กรณีเช่นนี้ไม่จำต้องประกาศคำฟ้องอีก ทายาทมีโอกาสทราบเพราะโจทก์ต้องส่งสำเนาคำฟ้องไปให้อยู่แล้ว และถือว่าเป็นคดีที่เกี่ยวพันกับคดีเดิม ทั้งการสืบพยานในคดีดังกล่าวก็ถือได้ว่าเป็นการไต่สวนที่ชอบแล้ว หากมีเหตุสมควรต้องถอนผู้จัดการมรดกคนเดิมและตั้งผู้จัดการมรดกคนใหม่ ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ และจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นทายาทนายจ่าง สำรวลหันต์ เจ้ามรดก จำเลยที่ ๑ ได้รับแต่งตั้งจากศาลให้เป็นผู้จัดการมรดกแล้วไม่ทำบัญชีทรัพย์มรดก ไม่เคยจัดให้มีการประชุมทายาท และไม่จัดการแบ่งปันมรดกให้เสร็จสิ้น และจำเลยที่ ๑ ได้จดทะเบียนโอนที่ดินมรดก ๓ แปลงให้จำเลยที่ ๒ เกินส่วนที่จำเลยที่ ๒ จะได้รับ และจำเลยที่ ๒ ได้สมคบกับจำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๔ ซึ่งเป็นหลานของจำเลยที่ ๒ จดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๑๘๖ ในสามแปลงนั้นให้จำเลยที่ ๓ และจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๑๒๑ และ ๒๑๒๒ ให้จำเลยที่ ๔ โดยมิได้มีการชำระราคากัน เพื่อฉ้อโกงทายาทอื่นขอให้เพิกถอนจำเลยที่ ๑ จากการเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกและตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแทน กับเพิกถอนนิติกรรมการโอนขายที่ดินดังกล่าว
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่สามารถรวบรวมทรัพย์สินและแบ่งปันมรดกได้ เพราะโจทก์ทั้งสองไม่ยอมส่งมอบทรัพย์มรดกให้ จำเลยที่ ๑ ได้โอนทรัพย์มรดกดังฟ้องตามที่ตกลงกันในการประชุมทายาท เป็นการโอนขายและได้กระทำโดยสุจริตมีค่าตอบแทน ไม่ได้สมคบกันโกงทายาทอื่น ขอให้ยกฟ้อง
ศลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้เพิกถอนจำเลยที่ ๑ จากการเป็นผู้จัดการมรดก กับตั้งโจทก์ที่ ๑ เป็นผู้จัดการมรดก และเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินทั้งสามแปลงให้กลับคืนสู่สภาพการเป็นทรัพย์มรดก
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาที่ว่าการขอให้ถอนจำเลยที่ ๑ จากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งโจทก์ที่ ๑ เป็นผู้จัดการมรดกแทนจะต้องกระทำในคดีเดิมและต้องมีการประกาศคำร้องและไต่สวนคำร้องหรือไม่นั้น เห็นว่าคำร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดกคนเดิมและขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกคนใหม่แทน ตามปกติย่อมกระทำได้โดยยื่นคำร้องในคดีเดิม เมื่อผู้ประสงค์จะกระทำแยกจากคดีเดิมเพราะมีคำขออื่นที่เกี่ยวเนื่องรวมอยู่ด้วย ก็ทำได้โดยยื่นคำฟ้องรวมเป็นคดีเดียวกันกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องประกาศคำฟ้องอีก ทายาทมีโอกาสทราบได้โดยโจทก์ต้องส่งสำเนาฟ้องไปให้และถือว่าเป็นคดีที่เกี่ยวกันกับคดีเดิม ทั้งการสืบพยานในคดีดังกล่าวก็ถือได้ว่าเป็นการไต่สวนที่ชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจพิพากษาหรือมีคำสั่งดังกล่าวได้
ในปัญหาว่ามีเหตุสมควรถอนจำเลยที่ ๑ จากการเป็นผู้จัดการมรดกและมีเหตุสมควรตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าพฤติการณ์ของจำเลยที่ ๑ ส่อไปในทางไม่สุจริต ยังไม่สมควรที่จะให้เป็นผู้จัดการทรัพย์มรดกของผู้ตายต่อไป สำหรับโจทก์ที่ ๑ แม้จะไม่ต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกแต่ก็มีพฤติการณ์ไปในทางยักยอกทรัพย์มรดก
พิพากษาแก้เป็นว่า คำขอให้ตั้งโจทก์ที่ ๑ เป็นผู้จัดการมรดกแทนจำเลยที่ ๑ ให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share