คำสั่งคำร้องที่ 603/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยฟังข้อเท็จจริงว่า ทางนำสืบของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าวันเริ่มทำละเมิดที่โจทก์ใช้เป็นฐานในการคิดดอกเบี้ย จนถึงวันฟ้องเป็นวันและเดือนปีใดไม่อาจพิพากษาให้จำเลย ชำระดอกเบี้ยนับแต่วันทำละเมิด โจทก์อุทธรณ์ว่าได้นำสืบถึงวัน ทำละเมิดแล้ว จึงเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ รับฟังมา ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม บทกฎหมายมาตราดังกล่าวจึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด โจทก์เห็นว่า ฎีกาที่ว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย โดยมิได้ฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า วันเริ่มและสิ้นสุดการทำละเมิดของจำเลยคือ ระหว่างวันที่ 9 กรกฏา คม 2530 ถึงประมาณเดือนสิงหาคม 2531 เป็นการไม่ชอบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 และฎีกาที่ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เริ่มคิดดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป คลาดเคลื่อนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 221,224 เพราะมิได้เริ่มคำนวณคิดดอกเบี้ย นับแต่เวลาจำเลยทำละเมิดนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 108,710 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 77) โจทก์ จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 78)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายโดยมิได้ฟังข้อเท็จจริง ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า วันเริ่มและสิ้นสุดการทำละเมิดของจำเลยคือระหว่างวันที่ 9 กรกฎาคม 2530 ถึงประมาณเดือนสิงหาคม 2531เป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 และฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เริ่มคิดดอกเบี้ยนับแต่ วันฟ้องเป็นต้นไปคลาดเคลื่อนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะมิได้เริ่มคิดคำนวณดอกเบี้ยนับแต่เวลาจำเลยทำละเมิดนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ให้รับฎีกาโจทก์ไว้พิจารณา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป

Share