แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522มาตรา 54 จึงไม่รับโจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าคำพิพากษาศาลแรงงานกลางยกเหตุฝ่าฝืนข้อบังคับของจำเลยขัดต่อเหตุเลิกจ้างตามที่ระบุไว้ในหนังสือเลิกจ้าง และศาลแรงงานกลางตีความหนังสือเลิกจ้างไม่ตรงต่อความจริง การกระทำของโจทก์มิใช่เป็นการร้ายแรงไม่เข้ากรณีที่จะเลิกจ้างโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า การเลิกจ้างเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 59)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน13,042 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้อง (2 กันยายน 2536)จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับ(อันดับ 56)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 57)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ด่าทอและฉีกบัตรบันทึกเวลาเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหมวดที่ 7เรื่องวินัยทั่วไปข้อ 1.4เรื่องใช้วาจาไม่สุภาพกระทบกระเทือนเสียดสี ก้าวร้าวพนักงานด้วยกันโจทก์ฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับแต่มิใช่เป็นกรณีร้ายแรงโจทก์จงใจขัดคำสั่งจำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า เป็นการเลิกจ้างโดยมีเหตุสมควร มิใช่เลิกจ้างโดยเหตุ ไม่เป็นธรรม ที่โจทก์อุทธรณ์จะให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริง ว่าโจทก์ไม่ได้ด่าทอนั้น เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจ ในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 ศาลแรงงานกลาง สั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ชอบแล้ว ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์เป็นการ ฝ่าฝืนข้อบังคับ หมวดที่ 7เรื่องวินัยทั่วไป ข้อ 1.4 ขัดต่อเหตุเลิกจ้างตามที่ระบุไว้ในหนังสือเลิกจ้างและการกระทำ ของโจทก์มิใช่เป็นการร้ายแรงไม่ถึงขนาดที่จะเป็นการผิด ข้อบังคับ ไม่เข้ากรณีที่จะเลิกจ้างโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและเป็นกรณีเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวไว้ให้ศาลแรงงานกลาง ดำเนินการต่อไป