คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องของโจทก์ได้อ้างการครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นหลักแห่งข้อหาและอ้างมูลเหตุที่โจทก์เข้าครอบครองว่าเป็นมรดกของมารดา แต่เหตุที่ทำให้ได้มาซึ่งที่ดินนั้นโจทก์ยกเอาการครอบครองเป็นส่วนสัดด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นหลัก ดังนี้ แม้โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าเคยไปรับมรดกมารดาตามพินัยกรรมกันแล้วก็ตาม ก็เป็นเรื่องรับมรดก ส่วนโจทก์ครอบครองเป็นเจ้าของเกิน 10 ปี ก็เป็นเหตุให้ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ศาลชั้นต้นตัดมิให้โจทก์นำสืบในข้อนี้แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์อาศัยสิทธิจำเลย ย่อมไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้แบ่งกันครอบครองมรดกที่ดินมีโฉนดคนละส่วน โดยโจทก์เข้าครอบครองภายในวงเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง เนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่ ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมา ตั้งแต่นางเอี่ยมมารดาเจ้ามรดกตาย จนบัดนี้เป็นเวลา ๓๔ ปีแล้ว โจทก์จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยได้บอกขายที่ดินโฉนดนี้ทั้งแปลงให้แก่ผู้มีชื่อ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อ
จำเลยให้การว่า นางเอี่ยมมารดาได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินโฉนดที่โจทก์ฟ้องและโฉนดแปลงอื่นให้จำเลย ส่วนโจทก์ได้ที่ดินโฉนดอีกแปลงหนึ่งร่วมกับจำเลยคนละครึ่ง โจทก์จำเลยไปขอรับมรดกใส่ชื่อในโฉนดตามพินัยกรรมแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอแบ่งอีก ส่วนที่ดินโฉนดที่โจทก์ฟ้อง โจทก์อาศัยนางเอี่ยมมารดาทำกิน ครั้นที่ดินตกมาเป็นของจำเลยตามพินัยกรรม จำเลยก็ให้โจทก์อาศัยทำกินมาจนบัดนี้
โจทก์จำเลยรับกันในรายงานว่า โจทก์จำเลยได้ขอรับมรดกนางเอี่ยม มาราดตามหนังสือพินัยกรรมที่จำเลยส่งศาลแล้วทุกประการ
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์ยอมรับว่าได้มีการแบ่งมรดกกันแล้วตามพินัยกรรม เป็นการแบ่งมรดกกันเสร็จสิ้นไปแล้วและเมื่อโจทก์ จำเลยขอรับมรดก โจทก์ไม่ได้แสดงสิทธิเหนือที่ดินที่พิพาท โจทก์จะอ้างสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาทไม่ได้ ฟ้องโจทก์ก็มิได้อ้างสิทธิครอบครองปรปักษ์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ได้อ้างการครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดระยะเวลา ๓๔ ปี เป็นหลักแห่งข้อหา ส่วนมูลเหตุที่โจทก์เข้าครอบครอง แม้จะถือว่าเป็นมรดกของมารดา แต่เหตุที่ทำให้ได้มาซึ่งที่ดินนั้น โจทก์ยกเอาการครอบครองเป็นส่วนสัดด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นหลัก ข้อที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าโจทก์จำเลยเคยไปรับมรดกมารดาตามพินัยกรรมนั่นก็เป็นส่วนที่รับมรดก แต่ส่วนที่โจทก์ครอบครองเป็นเจ้าของเกิน ๑๐ ปี ก็เป็นเหตุให้ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินเช่นกัน ศาลชั้นต้นรวบรัดตัดมิให้โจทก์นำสืบในข้อนี้แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์อาศัยสิทธิจำเลยนั้น ไม่ชอบ และที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่โจทก์คงทำนาพิพาทอยู่บางส่วนก็ฟังได้ว่า โดยอาศัยจำเลยทำนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่

Share