แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 1 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218พิเคราะห์ฎีกาของจำเลยแล้ว เห็นว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งหมด จึงต้องห้ามตามกฎหมาย จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยจำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยได้ยกปัญหาข้อกฎหมายในเรื่องรอการลงโทษอันเป็นปัญหาสำคัญควรสู่ศาลสูงสุดจะได้วินิจฉัย หาได้เป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งหมดดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นไม่ โปรดสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 41)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 7,53 ทวิ,53 ตรี,73 ทวิ,74,74 จัตวาพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 7,21,27,28 ฯลฯจำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปีฯลฯ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 35)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 41)
คำสั่ง
จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษซึ่งเป็นเรื่องดุลพินิจและปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้วให้ยกคำร้อง