แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 4 ฎีกา มีทางชนะคดี โปรดมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 190)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดที่ 10274 ตำบลทัพหลวง อำเภอเมืองจังหวัดนครปฐม ตามแนวในแผนที่หมาย จ.3(1) แต่เป็นจำนวนเนื้อที่ไม่เกินกว่าที่ระบุในฟ้อง และให้รื้อถอนต้นอ้อยออกไป ให้จำเลยที่ 3ชำระค่าเสียหายในอัตราไร่ละ 2,000 บาทต่อปี ให้แก่โจทก์คิดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2519 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2523 และให้จำเลยที่ 4 ชำระค่าเสียหายในอัตราไร่ละ 2,000 บาทต่อปี ให้แก่โจทก์คิดตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2522 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสามและบริวารจะออกไปจากที่ดินโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4กับบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 10274 ตำบลทัพหลวงอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ตามแนวเขตและจำนวนเนื้อที่ซึ่งเจ้าพนักงานรังวัดได้ในแผนที่พิพาทหมาย จ.3(1) ให้จำเลยที่ 4ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราปีละ 900 บาท ก่อนฟ้องเป็นเวลา1 ปี และค่าเสียหายในอัตราดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ออกไปจากที่ดินของโจทก์ ส่วนคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 4 ต่างฎีกา และเฉพาะจำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 184,186,190)
จำเลยที่ 3 ที่ 4 ได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ โดยจำเลยที่ 3 ได้วางโฉนดที่ดินของตน จำนวน 1 ฉบับเป็นประกันสำหรับค่าเสียหาย และได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 163,169)
คำสั่ง
อนุญาตให้ทุเลาการบังคับจำเลยที่ 4 ในเรื่องรื้อถอนต้นอ้อยและออกไปจากที่พิพาทไว้ในระหว่างฎีกา ส่วนค่าเสียหายนั้นถ้าจำเลยที่ 4 หาประกันสำหรับจำนวนเงินค่าเสียหายที่จะต้องชำระก่อนฟ้องตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และค่าเสียหายในอัตราเดียวกันนับแต่วันฟ้องจนถึงวันทราบคำสั่งนี้ มาให้เป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกามิฉะนั้นให้ยกคำร้องเฉพาะเรื่องค่าเสียหาย
