แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้ ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาของจำเลยทั้งสองโดยวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองมีนายทวีศักดิ์ วิเศษทนายความลงชื่อเป็นผู้ฎีกา แต่ไม่ปรากฏในสำนวนว่าจำเลยทั้งสองได้แต่งตั้งนายทวีศักดิ์เป็นทนายจำเลยทั้งสองทั้งนายทวีศักดิ์ก็มิได้ทำหน้าที่เป็นทนายจำเลยทั้งสองมาก่อนที่จะมีการยื่นฎีกา นายทวีศักดิ์จึงไม่มีอำนาจใช้สิทธิในการฎีกาแทนจำเลยทั้งสองได้ ฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้ แต่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้แต่งตั้งให้นายทวีศักดิ์ วิเศษ เป็นทนายความและยื่นใบแต่งทนายต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2534 การที่ใบแต่งทนายของนายทวีศักดิ์ไม่ได้เข้าสู่สำนวน มิได้เกิดจากความบกพร่องของนายทวีศักดิ์แต่ประการใด เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลฎีกาได้โปรดพิจารณาคดีนี้ใหม่ด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงไม่คัดค้าน (อันดับ 145)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 67,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2529เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องมิให้เกิน 220.27 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องฎีกาของจำเลยทั้งสองมีนายทวีศักดิ์ วิเศษ ทนายความลงชื่อเป็นผู้ฎีกา แต่ไม่ปรากฏในสำนวนว่าจำเลยทั้งสองได้แต่งตั้งนายทวีศักดิ์ เป็นทนายจำเลยทั้งสอง ทั้งนายทวีศักดิ์ก็มิได้ทำหน้าที่เป็นทนายจำเลยทั้งสองมาก่อนที่จะมีการยื่นฎีกา นายทวีศักดิ์จึงไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใช้สิทธิในการฎีกาแทนจำเลยทั้งสองได้ คำฟ้อง ฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ ไม่ได้ จึงพิพากษายกฎีกาของจำเลยทั้งสอง (อันดับ 136)
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 139)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เหตุที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฎีกาของจำเลย ทั้งสองแล้วส่งมาให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟัง เพราะปรากฏ ในสำนวนว่าฎีกาของจำเลยทั้งสองมีนายทวีศักดิ์ วิเศษ ทนายความลงชื่อเป็นผู้ฎีกา แต่จำเลยทั้งสองมิได้แต่งตั้งนายทวีศักดิ์เป็นทนายจำเลยทั้งสอง ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้ ซึ่งความจริงจำเลยทั้งสองได้แต่งตั้งให้นายทวีศักดิ์เป็นทนายความ และยื่นใบแต่งทนายต่อศาลชั้นต้นก่อนยื่นฎีกาแล้ว ปรากฏตามใบเสร็จรับเงินของศาลชั้นต้นลงวันที่ 25 มิถุนายน 2534 แต่ศาลชั้นต้นมิได้ นำใบแต่งทนายดังกล่าวมารวมไว้ในสำนวน การอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา จึงเกิดข้อผิดพลาดดังกล่าวอันเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
จึงให้เพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม2536 เสีย และให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนคืนศาลฎีกาโดยเร็ว