คำสั่งคำร้องที่ 523/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาข้อ 2.1ที่ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดนั้นจำเลยฎีกาว่า จำเลยส่งมอบเอกสารหมาย จ.1-จ.77 ให้ นายประสพโชค ไปดำเนินการ และจำเลยไม่ทราบหรือเกี่ยวข้องในการปลอมเอกสารนั้น ขัดกับ ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟัง จึงเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง ส่วนข้อ 2.2 และ 2.3 เป็นการโต้เถียง ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเช่นกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกจึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 34)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,184,264 และ 268 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 264 เรียงกระทงลงโทษ ข้อหาเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น จำคุก 1 ปี ข้อหา ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอมให้ลงโทษตาม มาตรา 228 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 264 กระทงเดียว ตามมาตรา 228 วรรคสอง จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 30)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 31 แผ่นที่ 2)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตาม ศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 2 กระทง กระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี จำเลยฎีกาในข้อ 2.1 ว่า จำเลยเพียง แต่ส่งมอบเอกสารหมาย จ.1 ถึงจ.77 ให้แก่นายประสพโชค เพื่อนำไปดำเนินการตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินเท่านั้น โดยจำเลยมิได้ร่วมกระทำผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ด้วยนั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกา ข้อ 2.2 และ 2.3เป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการ รับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงเช่นกัน ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share