แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา จึงไม่รับเป็นฎีกาโจทก์เห็นว่า ฎีกาโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ในฐานะเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินที่สร้างตึกแถวซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของหรือเจ้าของร่วมได้โอนขายตึกแถวและที่ดินให้ผู้อื่น เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ของโจทก์และทรัพย์สินของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของหรือเจ้าของร่วมให้แก่ผู้อื่นโดยเจตนาทุจริตจึงเป็นการครบองค์ประกอบของกฎหมายตามฟ้องของโจทก์ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352,353,354,83,86,91ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้โดยทนายโจทก์ลงชื่อในคำร้อง แต่ไม่ปรากฏใบแต่งทนายโจทก์ในถ้อยคำสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกา
คำสั่ง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าของที่ดินและตึกแถวตามฟ้อง การที่จำเลยโอนที่ดินและตึกแถวดังกล่าวให้ผู้อื่นจึงมิใช่โอนทรัพย์สินของโจทก์ให้ผู้อื่น คดีของโจทก์ไม่มีมูลความผิดฐานยักยอก การที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เป็นเจ้าของหรือเจ้าของร่วมตึกแถวที่ก่อสร้างขึ้น จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง