แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานเพื่อนำไป สู่ข้อกฎหมาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เฉพาะโทษ จึงเป็นเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษ จำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่รับฎีกา ของจำเลย จำเลยเห็นว่า จำเลยได้ฎีกาว่า การวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลล่างทั้งสองที่เกี่ยวกับการกระทำของจำเลยว่าเป็น ความผิดต่อกฎหมายตามฟ้องโจทก์หรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย อันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน โปรดมีคำสั่งให้รับ ฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาแล้ว (อันดับ 69) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 55,48 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขแล้วจำคุก 5 ปี ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 3 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 65) จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 67)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลย ไม่ได้แก้บทมาตราด้วย เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลย ไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะเก็บเอาอาวุธปืนและกระสุนปืนตามฟ้องไว้ เพื่อตน แต่กระทำตามคำสั่งของผู้ใหญ่บ้าน การกระทำของจำเลย จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติกฎหมายตามฟ้องโจทก์ เป็นฎีกาโต้เถียง ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลในการลงโทษจำเลย ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ดังกล่าวข้างต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้วให้ยกคำร้อง