คำสั่งคำร้องที่ 49/2530

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ไม่ใช่เรื่องสมัครใจวิวาทต่อสู้กับผู้เสียหาย โดยเป็นการ โต้เถียงที่ศาลฟังว่าจำเลยกระทำอย่างไรบ้างที่อ้างว่า กระทำเพื่อป้องกัน ไม่ใช่ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติแล้วว่า จำเลยกระทำอย่างไร แต่โต้เถียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นการ ป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 8 เดือน ริบมีดของกลาง จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้น สั่งว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันตัว เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง ไม่เป็นข้อกฎหมายต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับฎีกาจำเลย จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลฎีกาสั่งว่า “ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแต่ฝ่ายเดียวไม่มีเหตุการณ์จำต้องป้องกันดังจำเลย นำสืบ จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับผู้เสียหายย่อมถือไม่ได้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกัน พิพากษายืน การที่จำเลย ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ไม่ใช่เรื่องสมัครใจวิวาทต่อสู้กับผู้เสียหายนั้น เป็นการโต้เถียงที่ศาลฟังว่าจำเลยกระทำอย่างไรบ้าง ที่อ้างว่า กระทำเพื่อป้องกัน ไม่ใช่ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติแล้วว่าจำเลยกระทำอย่างไร และการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง”

Share