คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1455/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

อุทธรณ์ของจำเลยได้ระบุข้อเท็จจริงที่จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยย่อ เป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จะไม่ได้ย่อ ทางนำสืบของโจทก์จำเลยไว้ก็ไม่เป็นการขัดต่อ ป.วิ.อ.มาตรา 193 แต่อย่างใด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานลักทรัพย์
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(7) (12), 83 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 11 จำคุกคนละ 4 ปี ให้จำเลยทั้งสองคืนโคหรือใช้ราคา 6,000 บาท แก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า พยานโจทก์ยังน่าสงสัยควรยกให้เป็นประโยชน์แก่จำเลยและวินิยฉัยด้วยว่าอุทธรณ์จำเลยได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อไว้แล้วเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาว่า “โจทก์ได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ในชั้นที่จำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายอุทธรณ์ไว้ว่าอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเป็นอุทธรณ์ที่มิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อเพราะมิได้ย่อข้อเท็จจริงทางนำสืบของโจทก์ เป็นอุทธรณ์ที่ขัดต่อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ไม่ควรรับไว้วินิจฉัยจึงขอให้ศาลฎีกาสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองไว้วินิจฉัยด้วยนั้น เห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองได้ระบุข้อเท็จจริงที่จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยย่อแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ย่อทางนำสืบของโจทก์จำเลยเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองดังกล่าวถือได้ว่าได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อที่ยกขึ้นอ้างอิงไว้แล้วจึงเป็นอุทธรณ์ที่ศาลอุทธรณ์มีอำนาจรับไว้พิจารณาได้”
พิพากษายืน.

Share