คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5614/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หากได้ความตามความเป็นจริงดังที่โจทก์ฟ้องและฎีกาว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่บริษัท ส. เพื่อเป็นหลักประกันในการเข้าทำงานของโจทก์ แล้วจำเลยนำไปเข้าบัญชีของจำเลยโดยบริษัท ส. มิได้สลักหลังโอนเช็คให้ก็ถือได้ว่าไม่มีมูลหนี้ที่โจทก์จะต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาทและจำเลยไม่ใช่ผู้ทรงเช็คนั้น จำเลยหามีสิทธิเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ โจทก์ย่อมเรียกเงินคืนจากจำเลยได้ ที่ศาลชั้นต้นไม่ดำเนินการพิจารณาต่อไปให้ได้ความว่าเป็นความจริงดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ แต่มีคำสั่งงดสืบพยานของโจทก์จำเลยเสีย จึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์สั่งจ่ายเช็คระบุชื่อเฉพาะให้แก่บริษัทสหพันธ์ประกันภัย จำกัด ด้วยการขีดฆ่าผู้ถือและขีดคร่อมทั่วไปเพื่อเป็นหลักประกันในการเข้าทำงานของโจทก์ ต่อมาจำเลยนำไปเข้าบัญชีของจำเลยเพื่อเรียกเก็บเงินโดยมิได้มีมูลหนี้ต่อกัน และจำเลยมิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายเพราะบริษัทสหพันธ์ประกันภัย จำกัด มิได้สลักหลังโอนเช็คดังกล่าวเลยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คจะอ้างการสลักหลังขาดสายมาเป็นเหตุให้พ้นความรับผิดตามเช็คไม่ได้ จำเลยได้รับเช็คมาโดยสุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินคืน ฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยานฟังข้อเท็จจริงต่อไป แล้ววินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบมีสิทธิได้รับเงินตามเช็คพิพาท โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินตามเช็คคืนจากจำเลยพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า โจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คระบุชื่อบริษัทสหพันธ์ประกันภัย จำกัด เป็นผู้รับเงินโดยได้ขีดฆ่าคำว่า ผู้ถือและขีดคร่อมทั่วไป มอบให้บริษัทสหพันธ์ประกันภัย จำกัด ต่อมาจำเลยได้นำเช็คทั้งสองฉบับเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค ธนาคารตามเช็คได้จ่ายเงินจากบัญชีโจทก์ให้ตามเช็คที่โจทก์ฎีกาว่า แม้โจทก์จะเป็นผู้ลงลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คทั้งสองฉบับ เมื่อลายมือชื่อผู้สลักหลังเช็คดังกล่าวมิใช่ลายมือชื่อของผู้มีอำนาจของบริษัทสหพันธ์ประกันภัย จำกัด ผู้รับเงินเท่ากับมิได้มีการสลักหลังเช็คดังกล่าว จำเลยจึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบการที่จำเลยเรียกเก็บเงินตามเช็คดังกล่าวเป็นการกระทำโดยผิดกฎหมาย จำต้องคืนเงินให้แก่โจทก์นั้น
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า หากได้ความเป็นความจริงดังที่โจทก์ฟ้องและฎีกาขึ้นมาว่า เช็คพิพาทโจทก์สั่งจ่ายให้แก่บริษัทสหพันธ์ประกันภัย จำกัด เพื่อเป็นหลักประกันในการเข้าทำงานของโจทก์ แล้วจำเลยได้นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของจำเลย โดยบริษัทสหพันธ์ประกันภัย จำกัด มิได้สลักหลังโอนเช็คให้ก็ถือได้ว่าไม่มีมูลหนี้ที่โจทก์จะต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาทและจำเลยไม่ใช่ผู้ทรงเช็คนั้น จำเลยหามีสิทธิเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ โจทก์ย่อมเรียกเงินคืนจากจำเลยได้ ศาลชั้นต้นไม่ดำเนินการพิจารณาต่อไปให้ได้ความว่าเป็นความจริงดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ แต่มีคำสั่งงดสืบพยานของโจทก์จำเลยเสีย และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นการไม่ชอบ
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share