คำสั่งคำร้องที่ 478/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ทุนทรัพย์ชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับฎีกา
จำเลยทั้งสองเห็นว่า ฎีกาข้อ 2 ก. ที่ว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่คู่ความอีกฝ่ายจะสมบูรณ์ต่อเมื่อคู่ความได้รับหมายด้วย และคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์นอกเหนือพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน และฎีกาข้อ 2 ข. ที่ว่าหนังสือขอผ่อนส่งหนี้ที่นายวีระศักดิ์ทำกับโจทก์นั้นไม่ผูกพันจำเลยทั้งสอง กับฎีกาข้อ 2 ค. ที่ว่าการเริ่มนับอายุความในการยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่เริ่มนับตั้งแต่เมื่อใดล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้น โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
กรณีเป็นชั้นขอให้พิจารณาใหม่
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้อง จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นจึงพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวและมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 89,541 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าว นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่อ้างว่าจำเลยทั้งสอง มิได้จงใจขาดนัด ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 114)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 117)

คำสั่ง
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ยอมรับฎีกาโดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 ให้ยกคำร้อง

Share