คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นเพียงผู้สู้ราคาคนหนึ่งในการขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีโดยตรงทั้งมิได้เป็นบุคคลผู้ที่ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบหรือที่ได้ยื่นคำร้องขอตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288,289 และ 290 อันเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ผู้ร้องจึงมิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ไม่มีสิทธิร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนี้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 2,200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ชั้นบังคับคดี ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดที่ดิน 3 แปลง และสิ่งปลูกสร้างที่ยึดโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายและระเบียบกฎข้อบังคับของกรมบังคับคดี ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินทั้ง 3 แปลงและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวและให้มีการขายทอดตลาดใหม่
โจทก์คัดค้านว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดโดยปฏิบัติตามประเพณีการขายทอดตลาดถูกต้องแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ผู้คัดค้านคัดค้านว่า ผู้คัดค้านซื้อที่ดินทั้ง 3 แปลง และสิ่งปลูกสร้างได้จากการขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการขายทอดตลาดแล้ว ผู้คัดค้านเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดโดยไม่มีผู้ใดเสนอราคาสูงขึ้นอีก ที่ดินแต่ละแปลงเริ่มต้นประมูลที่ราคาไม่เกิน1,000,000 บาท จึงเสนอราคาเพิ่มไม่ถึง 50,000 บาท ได้ การขายทอดตลาดชอบแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดไต่สวนคำร้อง แล้ววินิจฉัยว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่ผู้ร้องจะมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนี้ได้ ผู้ร้องจะต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีอันเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่มีการบังคับคดีในคดีนี้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280กล่าวคือ จะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้โดยตรง หากเป็นบุคคลอื่นใดก็ต้องเป็นผู้ที่ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบ หรือที่ได้ยื่นคำร้องขอตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 288, 289 และ 290 อันเกี่ยวกับทรัพย์สินเช่นว่ามานั้นเมื่อผู้ร้องเป็นแต่เพียงผู้สู้ราคาคนหนึ่งในการขายทอดตลาดที่ดินทั้ง 3 แปลง และสิ่งปลูกสร้างในคดีนี้ โดยมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ ทั้งมิได้เป็นบุคคลผู้ที่ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบหรือที่ได้ยื่นคำร้องขอตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 288, 289 และ 290 อันเกี่ยวกับที่ดินทั้ง 3 แปลง และสิ่งปลูกสร้างนั้นผู้ร้องจึงมิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีนี้ ไม่มีสิทธิร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนี้ เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 63/2530 ระหว่างธนาคารกรุงเทพ จำกัด โจทก์ นางเสริมสิริ พิทยาไพบูลย์ ผู้ร้องนางนภาศรี สิทธิองอาจ จำเลย และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5452/2531ระหว่างบริษัทไทยสุ่นเส็งเท็กซ์ไทล์ จำกัด โจทก์ นางวิไลอภิชัยนิมิตดี ผู้ร้อง ห้างหุ้นส่วนจำกัดกิมช้งฮงเท็กซ์ไทล์กับพวก จำเลย ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจของผู้ร้องดังกล่าวแม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมาแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ คดีจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องต่อไปแต่อย่างไร ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้ร้องนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน

Share