คำสั่งคำร้องที่ 478/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาทั้งสองข้อเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2534 ไม่รับ
จำเลยที่ 1 เห็นว่า คดีนี้น่าจะยังคงใช้มาตรา 248ก่อนแก้ไข ซึ่งสามารถฎีกาได้ และฎีกาของจำเลยน่าจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลฎีกาจะได้พิจารณาเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 161)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีนับแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน 22,500 บาท
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา(อันดับ 146)
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 155)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2534 ก่อนพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534ใช้บังคับ จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2534อันเป็นเวลาภายหลังจากที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งฉบับดังกล่าวใช้บังคับแล้วสิทธิในการฎีกาของจำเลยที่ 1 ต้องพิจารณาตามกฎหมายที่ใช้ บังคับในขณะยื่นฎีกา คดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา ไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534มาตรา 18 ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อ 2 ก. เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลที่ไม่อนุญาตให้ส่งสัญญากู้ไปตรวจพิสูจน์และฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อ 2 ข. ว่าสัญญากู้เป็นสัญญาปลอมก็เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่ 1 ทั้งสองข้อจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ทั้งสองข้อนั้นจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ ค่าคำร้องที่เสียเกินมา 160 บาท คืนให้จำเลยที่ 1

Share