คำสั่งคำร้องที่ 475/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ มีทุนทรัพย์พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาข้อ 2 ข้อ 3 เป็นปัญหาข้อเท็จจริงส่วนข้อ 4 เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลจึงเป็นข้อเท็จจริง จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4 ส่วนข้อ 1 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงรับฎีกาของจำเลยที่ 1 เฉพาะข้อ 1 จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4 ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมาย กล่าวคือ ฎีกาข้อ 2 เป็นการฎีกาในปัญหาเกี่ยวกับการแปลข้อความตามกรมธรรม์ว่า มีความหมายอย่างไร ข้อ 3 ฎีกาว่า โจทก์เป็นฝ่ายก่อให้เกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์และข้อ 4 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดเสียดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันใดโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4 ของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินให้โจทก์92,750 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาบางข้อดังกล่าว (อันดับ 191) จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาหลักประกันให้ไว้ต่อศาล ภายในกำหนด 10 วัน ต่อมาจำเลยขอขยายเวลาดังกล่าว แต่ในที่สุดมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกัน ให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยาย (อันดับ 194,193 แผ่นที่ 3,195 แผ่นที่ 5)

คำสั่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 ที่กำหนดให้ผู้ที่อุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้น ที่ไม่รับฎีกาต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และ นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลนั้นเป็นบทบังคับในกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาทั้งหมดคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาบางข้อ กรณีจึงไม่ต้องบทกฎหมายดังกล่าว ศาลชั้นต้นชอบที่จะรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ของจำเลยที่ 1 ไว้ดำเนินการต่อไป พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 เอาประกันภัยในส่วนที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน ภายในตึกแถวไว้กับจำเลยที่ 2 แทนโจทก์ จำเลยที่ 1 ฎีกาใน ประเด็นข้อ 2 ว่า จำเลยที่ 1 มิได้เข้าทำสัญญาประกันภัยในฐานะตัวแทนของโจทก์จึงเป็นการโต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐาน ของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง สำหรับฎีกาในประเด็นข้อ 3 ที่ว่า โจทก์เป็นฝ่ายก่อให้เกิด เพลิงไหม้อาคารที่เกิดเหตุ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยในประเด็น ข้อนี้โดยอ้างว่าไม่เกิดประโยชน์แก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ถูกต้อง และฎีกาในประเด็นข้อ 4 ปัญหาที่ว่า จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิด เสียดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่จำเลยที่ 1 รับเงินจากจำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยหรือนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป เป็นฎีกา ในปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 สำหรับ ประเด็นข้อ 3 และข้อ 4 ไว้พิจารณา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป

Share