คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7471/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเข้าไปอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของผู้อื่นบ้านจำเลยมีลักษณะเป็นการปลูกอย่างชั่วคราวไม่มีเลขบ้านแสดงวาอยู่ในลักษณะชั่วคราวมิได้ครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยทราบดีว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่มีผู้อื่นเป็นเจ้าของการที่จำเลยเข้าไปปลูกบ้านในที่ดินพิพาทจึงเป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครองเป็นความผิดฐานบุกรุก เมื่อศาลฎีกาพิพากษาลดโทษและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ฎีกาซึ่งเป็นเหตุในลักษณะคดีย่อมมีอำนาจพิพากษาเลยไปถึงจำเลยในคดีที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย

ย่อยาว

คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันมากับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 9631/2535 ของศาลชั้นต้น แต่คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยคู่ความมิได้อุทธรณ์ คงขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาเฉพาะคดีนี้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนางฉลวยจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 9631/2535 ของศาลชั้นต้นร่วมกันบุกรุกเข้าไปปลูกบ้านพักอาศัยทำเพิงเก็บของและทำร้านขายอาหารในที่ดินของผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365 ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยเข้าไปอยู่ในที่ดินพิพาทเพราะนางฉลวยชักชวนนั้นแสดงว่า จำเลยอยู่ในที่ดินพิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของผู้อื่นอีกประการหนึ่งบ้านจำเลยตามภาพถ่ายก็มีลักษณะเป็นการปลูกอย่างชั่วคราวไม่มีบ้านเลขที่ แสดงว่าจำเลยอยู่ในที่ดินพิพาทในลักษณะชั่วคราว ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยมิได้ครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดตั้งอยู่ในเขตชุมชนตามพฤติการณ์จึงน่าเชื่อว่าจำเลยทราบดีกว่าเป็นที่ดินที่มีผู้อื่นเป็นเจ้าของการที่จำเลยเข้าไปปลูกบ้านในที่ดินพิพาทจึงเป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครองจึงมีความผิดฐานบุกรุก
เมื่อศาลฎีกา พิพากษาลดโทษและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ฎีกาซึ่งเป็นเหตุในลักษณะคดี ย่อมมีอำนาจพิพากษาเลยไปถึงนางฉลวยจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 9631/2535ของศาลชั้นต้นที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยและนางฉลวยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2)(3) ประกอบด้วยมาตรา 362ให้ลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี และปรับคนละ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

Share