แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาศาลฎีกาสั่งว่าถ้าจำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินค่าเสียหายที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และค่าเสียหายอัตราวันละ 300 บาทนับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องไปอีก 5 ปี มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา
ต่อมาจำเลยได้ดำเนินการเปิดใช้โทรศัพท์ให้โจทก์ใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2528 และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้จำเลยรับผิดเฉพาะค่าเสียหายเกี่ยวกับเรื่องโทรศัพท์รวมเป็นเงินทั้งหมด 122,700 บาท ดังนั้นจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกินกว่าจำนวนเงินดังกล่าว ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำเลยนำหลักประกันมาวางเฉพาะจำนวนเงิน 122,700 บาทเพื่อทุเลาการบังคับด้วย โปรดอนุญาต
หมายเหตุ โจทก์แถลงรับในรายงานกระบวนพิจารณาแล้ว(อันดับ 142)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายจำนวน4,300 บาทให้โจทก์ และค่าเสียหายในอัตราวันละ 100 บาทนับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะดำเนินการให้โจทก์ได้ใช้โทรศัพท์หมายเลข 211995 ได้เหมือนเดิมศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพิ่มอีก 8,600 บาท กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์วันละ 300 บาทด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ ศาลฎีกา มีคำสั่งอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา (อันดับ 125,124,134)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาหลักประกันชั้นทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 143)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคำสั่งศาลฎีกาลงวันที่ 5 กันยายน2531 เป็นการใช้ดุลพินิจกำหนดจำนวนเงินเพื่อให้จำเลยหาหลักประกันให้พอเพียงสำหรับค่าเสียหายที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ปรากฏว่ามีข้อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อยไม่มีเหตุจะต้องเพิ่มเติมหรือแก้ไขคำสั่งดังกล่าวให้ยกคำร้อง