แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา หากเจ้าพนักงานบังคับคดี เพิกถอนการยึดทรัพย์ จำเลยอาจนำที่ดินพิพาทไปดำเนินการใด ๆ ทำให้ที่ดินมีมูลค่าลดลงได้ โปรดมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการเพิกถอนการยึดที่ดินพิพาท และให้โจทก์รอการวางเงินค่าทนายความตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไว้ก่อนเพื่อ รอคำวินิจฉัยของศาลฎีกา โปรดอนุญาต
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 62)
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 103 ตำบลริบกก อำเภอเมืองจังหวัดเชียงราย ของจำเลยไว้เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่าที่ดินดังกล่าวต้องห้ามโอนภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ 5 กันยายน 2526จึงไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 31 ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการยึดที่ดินพิพาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนการยึดที่ดินดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 58,60)
ชั้นอุทธรณ์ โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งให้งดการถอนการยึดทรัพย์ไว้ในระหว่างอุทธรณ์ (อันดับ 47)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นสมควรให้งดการถอนการยึดทรัพย์ไว้ในระหว่างฎีกาส่วนที่ขอให้รอการวางเงินค่าทนายความที่จะต้องใช้แทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 นั้น ตามกฎหมายต้องนำมาวางศาลพร้อมกับฎีกา ไม่ใช่เรื่อง ที่จะขอทุเลาการบังคับได้ ให้ยกคำร้องในส่วนนี้
