แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยนั้นเป็นข้อไร้สาระไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ชำระหนี้ตามเช็คภายหลังจากที่เช็คถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว เป็นการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นหลังการกระทำผิด ซึ่งจำเลยกระทำได้ และมีผลทำให้ความผิดของจำเลยระงับไป โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเมื่อจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนแล้ว จำเลย ควรได้รับการลดหย่อนโทษ หรือรอการลงโทษจำเลยไว้ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก 8 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 72)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 73)
คำสั่ง
จำเลยฎีกาว่า 1 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะได้โอนที่ดินมีโฉนดชำระหนี้ตามเช็คพิพาทไปแล้ว ข้อพิพาทจึงระงับเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์
2. ขอให้รอการลงโทษ หรือลงโทษสถานเบา เป็นฎีกา เกี่ยวกับดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาล
ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกา จำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง