คำสั่งคำร้องที่ 365/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยซึ่งยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 นั้น มิใช่กรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยด้วยเหตุเนื้อหาในอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามอุทธรณ์ อันจะเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่ง จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลย และพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 3,775,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 16 เมษายน 2541 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน 266,609.30 บาท ตามคำขอของโจทก์ ฯลฯ

จำเลยโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานจำเลยก่อนพิพากษา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว จำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว เพื่อให้จำเลยนำพยานเข้าสืบแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยเท่ากับขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้สืบพยานต่อไป จำเลยจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ เมื่อจำเลยไม่ได้วางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าว จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จึงให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายใน 30 วัน

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งว่า จำเลยอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 จำเลยจึงไม่ต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน หากจำเลยยังติดใจอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ก็ให้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำพิพากษานี้

จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 ต้องห้ามฎีกา จึงไม่รับฎีกาของจำเลย

จำเลยเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 คำสั่งศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุดเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่า หากจำเลยยังติดใจอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ก็ให้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำพิพากษา จึงไม่เป็นการยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ จึงไม่ต้องด้วยมาตรา 236 และจำเลยได้ฎีกาเฉพาะในเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำเลยปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เท่านั้น โดยเป็นการฎีกาในเรื่องการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมตามมาตรา 234 ซึ่งมิได้มีบัญญัติไว้ในมาตรา 236 ฎีกาของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 236 ขอให้มีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป

ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 นั้น มิใช่กรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยด้วยเหตุเนื้อหาในอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามอุทธรณ์ อันจะเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่ง จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาได้ให้รับฎีกาของจำเลยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป”

Share