คำสั่งคำร้องที่ 363/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท และฎีกาของจำเลยเป็นการฎีกาในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก และวรรคสองที่แก้ไขแล้ว ไม่รับฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาล ทั้งหมดให้จำเลย และสั่งคำร้องว่าศาลไม่รับฎีกาของจำเลยจึงไม่รับคำร้องของ จำเลยด้วย จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีคลาดเคลื่อนไม่ตรงต่อข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงตามสำนวน เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาและคำร้องขอทุเลา การบังคับของจำเลยด้วย หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยพร้อมด้วยบริวารออกไป จากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบ้านเลขที่ 54/22 หมู่ที่ 13ตำบลคลองกุ่มอำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร กับให้จำเลยส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวในสภาพเรียบร้อย คืนแก่โจทก์และห้ามจำเลยกับบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวอีกต่อไป และให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้อง(วันที่ 11 กันยายน 2532) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ ศาลชั้นต้น มีคำสั่งไม่รับฎีกาและคำร้องขอทุเลาการบังคับ (อันดับ 71 แผ่นที่ 3, ที่ 1) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 74)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.2 สมบูรณ์ ตามกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้องคดี และวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ มิได้ฟ้องจำเลยผิดตัวเพราะจำเลยมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านใน สำเนาทะเบียนบ้านพิพาทตามเอกสารหมาย จ.8 ทั้งจำเลย ยังได้ยอมรับว่าจำเลยอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทด้วย การที่จำเลยฎีกา โต้เถียงว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะหนังสือรับรองการเป็น นิติบุคคลของโจทก์ไม่สมบูรณ์ก็ดี รวมถึงการโต้เถียงว่า โจทก์ฟ้องจำเลยผิดตัว เพราะที่ถูกโจทก์ควรจะต้องฟ้องพี่ชาย ของจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อที่ดินและบ้านพิพาทโดยตรงก็ดี เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ ย่อมเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งส่วนเรื่องการครอบครองปรปักษ์ที่ดินและบ้านพิพาทตามที่จำเลย ฎีกา ได้ความว่าศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ และจำเลยก็มิได้โต้แย้งคัดค้าน จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะไม่ วินิจฉัยให้ ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและ บ้านพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว การที่ศาลอุทธรณ์ ไม่วินิจฉัยเรื่องการครอบครองปรปักษ์ให้จำเลย ถือว่าศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยคดีคลาดเคลื่อนไม่ตรงต่อข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ในสำนวนนั้น เป็นฎีกาในข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดี จึงไม่สมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยและไม่รับคำร้องขอทุเลา การบังคับระหว่างฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share