แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่าพิเคราะห์แล้วเห็นว่าอุทธรณ์ข้อ 2 เป็นอุทธรณ์เกี่ยวกับการฟังพยานหลักฐานและอุทธรณ์ข้อ 3 เป็นการอุทธรณ์เกี่ยวกับ ดุลพินิจของศาล จึงเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 ส่วนอุทธรณ์ข้อ 4 เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระ จึงไม่รับอุทธรณ์
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยทุกข้อเป็นปัญหาข้อกฎหมายและอุทธรณ์ข้อที่ว่าฟ้องของโจทก์ทั้งสี่สำนวนเคลือบคลุมหรือไม่ ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญ โปรดมีคำสั่งให้รับ อุทธรณ์ของจำเลยไว้เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 52)
คดีทั้งสี่สำนวน ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยให้เรียกโจทก์ตามลำดับสำนวน ว่าโจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 4
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายให้ โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 4,850 บาท โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน13,748 บาท โจทก์ที่ 3 เป็นเงิน 23,783 บาท และโจทก์ที่ 4เป็นเงิน 41,310 บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว (อันดับ 42)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 50)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของจำเลยในข้อที่ว่าคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางขาดเหตุผลประกอบคำวินิจฉัยว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม และในข้อที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายและอยู่ในประเด็น จึงให้รับอุทธรณ์ในข้อดังกล่าวและให้ศาลแรงงานกลางดำเนินต่อไป