แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์ฎีกาของโจทก์ร่วมโดยตลอดแล้วศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง แม้เหตุผลที่ยกฟ้องจะวินิจฉัยแตกต่างกันก็เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นฎีกาโจทก์ร่วมเป็นฎีกาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ร่วม
โจทก์ร่วมเห็นว่า ที่ศาลวินิจฉัยสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมนั้นคลาดเคลื่อนเพราะศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโดยเหตุผลแตกต่างกัน และแม้ฎีกาของโจทก์ร่วมจะเป็นฎีกาข้อเท็จจริงก็ตามแต่ก็เป็นสาระสำคัญอันสมควรที่จะได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูงโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,289,371,376,83,91 ฯลฯ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7,8 ทวิ,72,72 ทวิ ฯลฯ และสั่งริบของกลางด้วยระหว่างพิจารณา นางปราณีสุราฤทธิ์ ผู้เสียหาย ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 88)
โจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 89)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่โจทก์ร่วมฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่สืบมาพอฟังลงโทษจำเลยได้ก็ดี เหตุผลที่ศาลล่างทั้งสองยกฟ้องโจทก์แตกต่างกันเป็นสาระสำคัญก็ดี ล้วนแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามมิให้ฎีกา ส่วนจะเป็นข้อเท็จจริงที่สำคัญควรสู่ศาลฎีกาหรือไม่ เป็นดุลพินิจของผู้พิพากษาผู้พิจารณาคดีในศาลล่างที่จะพิเคราะห์สั่งศาลฎีกาไม่มีอำนาจก้าวล่วงได้ ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ร่วม