แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้ พ. ไปติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่ ก.ต.ภ. มีใจความว่า ขอมอบอำนาจให้ พ.มาทำการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องโรงภาพยนตร์ของโจทก์ ตลอดจนมีอำนาจรับทราบคำสั่งรับทราบกำหนดนัดและให้ถ้อยคำจนเสร็จการ ดังนี้ ถ้อยคำของ พ.ที่ให้ไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก.ต.ภ.ว่า ความจริงเป็นดังที่พนักงานเจ้าหน้าที่ ก.ต.ภ.ตรวจพบ และขอรับผิดตามข้อกล่าวหาทุกประการ ย่อมถือว่าอยู่ในขอบเขตอำนาจที่ได้รับมอบหมาย เพราะเป็นถ้อยคำเกี่ยวกับโรงภาพยนตร์ของโจทก์ หาเป็นการนอกเหนืออำนาจที่รับมอบไม่ โจทก์ย่อมถูกผูกพันให้ต้องรับผิดตามถ้อยคำนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.ต.ภ. ได้ทำการยึดเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์มาทำการตรวจสอบที่สำนักงาน ก.ต.ภ. จำเลยที่ ๓ ได้ทำการตรวจสอบแล้วอ้างว่าโจทก์กระทำการฝ่าฝืนประมวลรัษฎากรว่าด้วยอากรมหรสพ กล่าวคือ ไม่ฉีกตั๋วในขณะที่ได้รับจากผู้ดูให้แสตมป์ที่ปิดอยู่บนตั๋วขาดเป็นสองตอน จำนวน ๗ ฉบับ จะต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มอากร ภาษีบำรุงเทศบาล รวมเป็นเงิน ๑๙๒.๕๐ บาท กับอนุญาตให้คนเข้าดูมหรสพโดยไม่มีตั๋วปิดแสตมป์ซึ่งขีดฆ่าแสดงว่าได้เสียอากรมหรสพครบถ้วนแล้ว จำนวน ๒,๐๖๐ บาท จะต้องรับผิดชำระเงินอากรมหรสพ ภาษีบำรุงเทศบาล เงินเพิ่มอากร รวมเป็นเงิน ๖๑,๐๙๒.๖๓ บาท รวมเป็นเงินที่โจทก์จะต้องรับผิดทั้งสิ้นเป็นเงิน ๖๑,๒๘๕ บาท ๑๓ สตางค์ กรมสรรพากรจำเลยที่ ๑ ได้มีหนังสือลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๑๔ สั่งให้โจทก์นำเงินดังกล่าวไปชำระต่อกรมสรรพากรภายในกำหนด ๑๐ วัน แต่โจทก์ยังไม่ได้ชำระ เพราะโจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของกรมสรรพากรจำเลยที่ ๑ อนึ่ง การที่นายไพโรจน์ ฉัตรภิญญาคุปต์ ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ได้ขอรับผิดตามข้อกล่าวหาทุกประการกับเจ้าพนักงาน ก.ต.ภ.นั้น เป็นการกระทำที่นอกเหนือไปจากอำนาจที่ได้รับหมายจากโจทก์ ขอศาลได้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมสรรพากร ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๑๔ และของเจ้าหน้าที่ ก.ต.ภ. ที่ให้โจทก์ชำระเงินอากรมหรสพ เงินเพิ่มอากร ภาษีบำรุงเทศบาล และเงินเพิ่มภาษีบำรุงเทศบาล เป็นเงิน ๖๑,๐๙๒.๖๓ บาท ว่าโจทก์ได้เสียอากรมหรสพในวันที่ ๘,๙,๑๐ และ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๔ ถูกต้องแล้ว ฯลฯ
จำเลยทั้งสามให้การร่วมกันว่า โจทก์หลีกเลี่ยงอากรมหรสพ โดยอนุญาตให้คนเข้าดูมหรสพของโจทก์โดยไม่มีตั๋วปิดแสตมป์ เนื่องจากโจทก์หลีกเลี่ยงไม่ชำระเงินดังกล่าว โจทก์จึงต้องเสียเงินเพิ่มสำหรับอากรมหรสพ และต้องเสียภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มอีก รวมเป็นเงินที่โจทก์จะต้องชำระให้แก่จำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๖๑,๐๙๒.๖๓ บาท ซึ่งนายไพโรจน์ผู้จัดการมหรสพและผู้ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ ก็ได้รับรองว่าถูกต้องต่อความเป็นจริง ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงยุติว่าพนักงานฉีกตั๋วของโจทก์ไม่ฉีกอากรมหรสพให้ขาดเป็น ๒ ท่อน และโจทก์อนุญาตให้คนเข้าดูมหรสพโดยไม่มีตั๋วปิดแสตมป์ซึ่งขีดฆ่าแสดงว่าได้เสียอากรครบถ้วนแล้ว โจทก์ต้องรับผิดชำระเงินอากรมหรสพ ภาษีบำรุงเทศบาล และเงินเพิ่ม รวม ๖๑,๑๕๑.๑๕ บาท โจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายไพโรจน์ทำการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่ ก.ต.ภ.เกี่ยวกับเรื่องโรงภาพยนตร์ราชเทวี ตามเอกสาร จ.๑ และนายไพโรจน์ได้ให้ถ้อยคำต่อเรือเอกสำเริงจำเลยที่ ๓ ผู้ตรวจสอบภาษีอากรเอก ที่สำนักงาน ก.ต.ภ.ว่า เป็นความจริงดังที่พนักงานเจ้าหน้าที่ ก.ต.ภ.ตรวจพบและขอรับผิดตามข้อกล่าวหาทุกประการ จึงลงชื่อให้ไว้เป็นหลักฐานตามเอกสาร จ.๓๑ ต่อมากรมสรรพากรมีหนังสือให้โจทก์นำเงินจำนวนดังกล่าวไปชำระภายในกำหนด โจทก์ไม่ปฏิบัติ
ที่โจทก์ฎีกาว่า คำรับรองที่นายไพโรจน์ให้ไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก.ต.ภ.ดังที่ปรากฏตามบันทึกถ้อยคำตามเอกสารหมาย จ.๓๑ เป็นการกระทำนอกขอบเขตอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อหนังสือมอบอำนาจศาลหมาย จ.๑ ระบุว่า “ขอมอบอำนาจให้นายไพโรจน์ ฉัตรภิญญาคุปต์ ซึ่งลงชื่อท้ายนี้มาทำการติดต่อกับเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องโรงภาพยนตร์ราชเทวี ตลอดจนมีอำนาจรับทราบคำสั่ง รับทราบกำหนดนัด และให้ถ้อยคำจนเสร็จการ” เช่นนี้ ถ้อยคำของนายไพโรจน์ที่ให้ไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก.ต.ภ.ว่าเป็นความจริงดังที่พนักงานเจ้าหน้าที่ ก.ต.ภ.ตรวจพบและขอรับผิดตามข้อกล่าวหาทุกประการ ถือว่าอยู่ในขอบเขตอำนาจที่ได้รับมอบหมาย เพราะเป็นการให้ถ้อยคำเกี่ยวกับเรื่องโรงภาพยนตร์ราชเทวีของโจทก์ หาเป็นการนอกเหนืออำนาจที่รับมอบไม่ โจทก์ย่อมถูกผูกพันให้ต้องรับผิดตามถ้อยคำนั้น
พิพากษายืน.