แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า รับฎีกาข้อ 2.2ย่อหน้าแรก และข้อ 2.3 ส่วนฎีกาส่วนอื่นเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยข้อ 2.1 เป็นปัญหาว่า ศาลรับฟังความเสียหายนอกฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายและฎีกาข้อ 2.2 มีทั้งปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษา แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดฐานทำให้เสียหาย ท่อส่งน้ำคอนกรีตและก้านพวงมาลัยปิดเปิดประตูน้ำซอยที่ 11 ตามฟ้องข้อ ก. จำคุก 1 เดือน เป็นการแก้ไขมาก จำเลยจึงฎีกาได้ ไม่ต้องห้ามโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยในข้อดังกล่าวด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 78)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 จำคุก 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐาน ทำให้เสียทรัพย์ทำลายท่อส่งน้ำคอนกรีตและก้านพวงมาลัยปิดเปิดประตูน้ำ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 จำคุก 6 เดือน อีกกระทงหนึ่ง รวมจำคุก 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 77)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 78)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ความผิดฐานทำให้เสียหาย ทำลายกุญแจล็อกประตูน้ำ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ศาลชั้นต้นพิพากษา ลงโทษจำคุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ที่จำเลยฎีกามาในข้อ 2.1 ขอให้ศาลรอการลงโทษ ในความผิดฐานนี้จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาข้อนี้ชอบแล้ว
ส่วนความผิดฐานทำให้เสียหาย ทำลายท่อส่งน้ำคอนกรีตและก้านพวงมาลัยปิดเปิดประตูน้ำ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ลงโทษ จำคุกจำเลย 6 เดือน จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ให้รับฎีกาของจำเลยข้อ 2.2 ที่เกี่ยวกับความผิดฐานนี้ทั้งหมด ไว้พิจารณา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป