แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา มีโอกาสชนะคดี โปรดมีคำสั่งให้งดการ ถอนการยึดทรัพย์ไว้ในระหว่างฎีกาด้วยโปรดอนุญาต
หมายเหตุ ทนายจำเลยที่ 2 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 106 แผ่นที่ 5)
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอม ยอมความให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ แต่จำเลย ทั้งสองไม่ชำระ โจทก์ขอให้บังคับคดีโดยยึดที่ดินซึ่งมีชื่อ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน แต่ ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ได้โอนการยึดที่ดินดังกล่าวไปไว้ในคดีล้มละลาย
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 พ้นกำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันที่โจทก์ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือวันที่ศาลออกหมายบังคับคดีโจทก์จึงหมดสิทธิบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2ขอให้ถอนการยึดที่ดินของจำเลยที่ 2 โดยให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียม ยึดแล้วไม่มีการขาย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 เมื่อพ้นสิบปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาจึงหมดสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ให้ถอนการยึดทรัพย์ ของจำเลยที่ 2 โดยให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 103,102)
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าคดีไม่มีเหตุสมควรให้งดการถอนการยึดทรัพย์ไว้ในระหว่างอุทธรณ์ (อันดับ 72)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ตามคำร้องของ โจทก์มีเหตุสมควร จึงให้งดการถอนการยึดทรัพย์ในระหว่างฎีกา