แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา มีเหตุผลที่ศาลฎีกาจะพิพากษา กลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โปรดมีคำสั่งให้ระงับการ ขายทอดตลาดที่ดินที่โจทก์นำยึดไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้ว เฉพาะโจทก์ที่ 2 แถลงคัดค้าน (อันดับ 82 แผ่นที่ 2,86)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 62,503,985.89 บาท ให้โจทก์ที่ 1 และชำระเงินจำนวน 99,110,945.52 บาท ให้โจทก์ที่ 2 พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2528 เป็นต้นไป จนกว่าจำเลย จะชำระหนี้เสร็จให้โจทก์
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ที่ 1 ถูกพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนโจทก์ที่ 1
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 75,74)
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ แต่จำเลยไม่วางหลักประกันตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำร้องของ โจทก์ทั้งสองแล้ว(อันดับ 51,56,57 แผ่นที่ 1 และแผ่นที่ 4)
คำสั่ง
ตามคำร้องเป็นกรณีจำเลยขอให้ศาลงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างฎีกาอันเป็นกระบวนพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนั้นศาลที่มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องเรื่องนี้คือศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีตามคำร้องของ จำเลยให้ได้ ให้ยกคำร้อง
