คำสั่งคำร้องที่ 3319/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยเป็น ฎีกาข้อเท็จจริง ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปี ฎีกาจำเลย จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี 8 เดือน และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คดีของจำเลย จึงเป็นคดีที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุกเกิน 5 ปี จึงไม่ต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก โปรดมี คำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม,274 วรรคสอง ที่แก้ไขแล้ว เป็นการกระทำผิด หลายกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขแล้ว แม้จะกระทำผิดจำเลยอายุ 20 ปี ก็ไม่สมควรลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ฐานพรากผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี และฐานกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยใช้กำลัง ประทุษร้าย ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี รวมจำคุก 8 ปี คำให้การ รับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 76)
ทนายจำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 77)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดาฯ เพื่อการอนาจาร กับความผิดฐานกระทำ อนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามที่ โจทก์ฟ้อง เป็นความผิดคนละกระทง คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย กระทงละไม่เกิน 5 ปี จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ฎีกาของ จำเลยล้วนแล้วแต่เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยาน หลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ย่อมต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ที่ศาลชั้นต้น มีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share