คำสั่งคำร้องที่ 329/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ไม่รับอุทธรณ์จำเลย
จำเลยเห็นว่า จำเลยอุทธรณ์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่รถจักรยานยนต์วิ่งตัดหน้ารถยนต์ของจำเลยในขณะอยู่ห่างกันกว่า3 วานั้น ไม่อาจถือได้ว่าเป็นระยะกระชั้นชิดและที่โจทก์ขับรถยนต์ของจำเลยพลิกคว่ำในทางโค้งเนื่องจากมีรถจักรยานยนต์วิ่งตัดหน้าดังกล่าวก็ไม่อาจถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะในกรณีเช่นนั้นโจทก์ยังอาจใช้ความระมัดระวังป้องกันได้ตลอดจนการที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิได้รับเงินโบนัส 4,300 บาทนั้น จำเลยเห็นว่ายังไม่ถูกต้องเพราะตามพยานหลักฐานในสำนวน โจทก์จะต้องถูกหักเงินโบนัสไว้จำนวนหนึ่งเพื่อชำระภาษีตามกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 68)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินแก่โจทก์จำนวน74,736.38 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินต้นดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2528 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว(อันดับ 62)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 66)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า เหตุที่รถยนต์คันที่โจทก์ขับพลิกคว่ำเพราะมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด เป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยอุทธรณ์ว่า รถจักรยานยนต์ไม่ได้ตัดหน้ารถยนต์คันที่โจทก์ขับในระยะกระชั้นชิดและเหตุที่รถยนต์พลิกคว่ำไม่ใช่เหตุสุดวิสัย จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์มีสิทธิได้รับเงินโบนัสเพียง 4,000 บาทโดยต้องหักค่าภาษีออกเสียก่อนตามคำเบิกความของนางสุจิตรา ยิ้มแย้มนั้น เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share