แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า เป็นอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ไม่รับอุทธรณ์
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมี คำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 67,68)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าว ล่วงหน้าเป็นเงิน 42,000 บาท ค่าชดเชยเป็นเงิน 129,000 บาท ค่าเสียหายเป็นเงิน 86,000 บาท ค่าเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิม เป็นเงิน 20,000 บาทแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 61)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 64)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยอุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางฟังว่านายเจอรี่โนวาโควาสกี้ เป็นผู้เลิกจ้างโจทก์ เพราะจำเลยจ้างชาวต่างประเทศมากเกินไป โดยไม่มีพยานสนับสนุน และที่ฟังว่านายเจอรี่เป็นรองกรรมการฝ่ายปฏิบัติการของจำเลยดังที่ปรากฏในหนังสือสภาหอการค้าอเมริกัน พ.ศ. 2535ศาลแรงงานกลางฟังเพียงสำเนาเอกสารดังกล่าว จึงขัดต่อกฎหมาย เห็นว่า เป็นการอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ของศาลแรงงานกลาง จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง นอกจากนี้ ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปเองโดยจำเลยมิได้ เลิกจ้างโจทก์ ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า เห็นว่าเป็นการเถียงข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังมาแล้วว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง และจำเลยอุทธรณ์ข้อสุดท้ายว่า ศาลแรงงานกลางหยิบยกเอาค่าเช่าบ้านโจทก์มารวมเป็นค่าจ้าง โดยไม่มีพยานใด ๆ ว่าจำเลยเป็นผู้จ่าย ค่าเช่าให้โจทก์ทั้งโจทก์มิใช่ผู้จ่ายค่าเช่าตามเอกสารหมาย จ.10 เห็นว่าเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ของศาลแรงงานกลาง จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ดังนั้น อุทธรณ์ของจำเลยทุกข้อจึงต้องห้ามตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 ที่ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลย ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง