แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 3 ฎีกา น่าจะมีทางชนะคดี โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 262)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ในกรณีที่โจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทจากจำเลยที่ 1 จำนวน 900,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปีนับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2519 จนกว่าจะชำระเงินเสร็จหรือโจทก์ได้รับชำระหนี้ไม่ครบ ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3ร่วมกันชำระแทนหรือชำระจนครบแล้วแต่กรณี
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่เฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 โดยไม่รับใบแต่งทนายความของจำเลยที่ 2 ที่นางบังอรวรรณีกกุล อ้างว่าเป็นผู้รับมอบอำนาจ ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2520 ยื่นต่อศาลเมื่อวันที่8 พฤศจิกายน 2520 และคำให้การของจำเลยที่ 2 ที่นายสุรพันธ์ทิมกระจ่างทนายจำเลยที่2ซึ่งนางบังอรวรรณึกกุล แต่งยื่นต่อศาลเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2520 ให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 15พฤศจิกายน 2520 อันเป็นวันพ้นกำหนดเวลาที่จำเลยที่ 2 จะต้องยื่นคำให้การ แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้อง เสร็จแล้วให้พิพากษาใหม่ตลอดไปถึงจำเลยที่ 3 ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่เสร็จแล้ว พิพากษาว่าในกรณีที่โจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทหมาย จ.1จากจำเลยที่ 1 จำนวน 900,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2519 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จหรือได้รับชำระหนี้ไม่ครบ ก็ให้จำเลยที่ 2 และ 3ร่วมกันชำระหนี้ดังกล่าวให้แก่โจทก์แทนจำเลยที่ 1 จนครบ
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 260,259)
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ แต่จำเลยไม่หาหลักประกันมาวางศาลภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด (อันดับ 248,251)
คำสั่ง
ถ้าจำเลยที่ 3 หาประกันสำหรับต้นเงินและดอกเบี้ยตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คำนวณถึงวันฟังคำสั่งนี้ มาวางให้เป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกามิฉะนั้นให้ยกคำร้อง
