แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกา ในข้อเท็จจริง ฎีกาจำเลยส่วนแรกโต้เถียงข้อเท็จจริง จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาส่วนฎีกาส่วนหลัง แม้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ไม่ชัดแจ้งว่าศาลหยิบยกข้อเท็จจริง นอกจากที่ปรากฏในท้องสำนวนอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบจึงไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า คดีนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้วจึงไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาส่วนหลังเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่แจ้งชัดแล้ว โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน108,100 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีนับแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2531 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเงินเสร็จ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 75)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 81)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว แม้คดีนี้ขณะเกิดการฟ้องร้องกันนั้นจะได้เกิดมีขึ้นก่อนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ใช้บังคับก็ตาม แต่การที่คู่ความจะมีสิทธิฎีกาได้หรือไม่ ต้องใช้กฎหมายขณะยื่นฎีกาบังคับ
ส่วนฎีกาของจำเลยในข้อกฎหมายที่ว่า ศาลล่างทั้งสองหยิบยกข้อเท็จจริงนอกสำนวนขึ้นพิจารณาพิพากษานั้น ฎีกาของจำเลยมิได้กล่าวว่า ศาลล่างทั้งสองหยิบยกข้อเท็จจริงส่วนใดที่เป็นข้อเท็จจริงนอกสำนวน จึงเป็นฎีกาที่มิได้กล่าวให้ ชัดแจ้ง เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ที่แก้ไขแล้ว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ