แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า โจทก์อุทธรณ์ดุลพินิจในการฟังข้อเท็จจริงของศาล จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 จึงไม่รับอุทธรณ์โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์โจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยอุทธรณ์ข้อ2.1 เป็นปัญหาในการตีความคำสั่งเอกสารหมาย ล.3 ที่จำเลยกล่าวอ้างในการลงโทษโจทก์ และอุทธรณ์ข้อ 2.2 เป็นปัญหาสืบเนื่องจากอุทธรณ์ข้อ 2.1 ที่ว่า หากคำสั่งของจำเลยที่สั่งลงโทษตัดค่าจ้างโจทก์เป็นคำสั่งที่มิชอบ โจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับการพิจารณาขึ้นเงินเดือน โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ด้วย
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 28)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งกองเดินรถที่ 210, ที่ 283/2530ของจำเลย และให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ 100 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2530ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยมอบหมายรถโดยสารประจำทางคันประจำให้โจทก์ขึ้นปฏิบัติหน้าที่ และปรับอัตราค่าจ้างให้โจทก์จากวันละ 93 บาท เป็นวันละ 99 บาท นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2530
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 24)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 25)
คำสั่ง
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่ไปทำงานตามปกติเนื่องจากต้องหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งตามจับโจทก์ในคดีเรื่องเช็ค ซึ่งหมายความว่า โจทก์ไม่ได้ป่วยจริง โจทก์กระทำผิดเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ไม่มีเหตุที่ให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ลงโทษโจทก์ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าการที่โจทก์มิได้ไปทำงานนั้น นายสมชายพงษ์สรฤทธิ์ หัวหน้ากองเดินรถ อนุญาตให้โจทก์ลาป่วยแล้วและการกระทำของโจทก์เป็นความผิดครั้งที่สอง ดังนี้ อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ที่ศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ยกคำร้อง